ราคาน้ำมันลดลง,ราคาทองพุ่ง หุ้นสหรัฐฯบวกหลังอเมริกา-จีนลงนามในข้อตกลงการค้า

16 ม.ค. 2563

ราคาน้ำมันลดลงหลังตัวเลขคลังเบนซินสำรองสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกเล็กน้อยแต่ราคาทองคำพุ่งแรง แม้จีนและอเมริกาลงนามในข้อตกลงการค้าอย่างเป็นทางการ

โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 42 เซนต์ ปิดที่ $57.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐน(อีไอเอ) เผยแพร่ข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองรายสัปดาห์ในวันพุธ(15ม.ค.) พบว่าคลังเบนซินสำรองเพิ่มขึ้นถึง 6.7 ล้านบาร์เรลและสต๊อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 8.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าสต๊อกเบนซินจะเพิ่มขึ้นราว 3.3 ล้านบาร์เรลและสต๊อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกโดยดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ในวันที่มีการลงนามข้อตกลงการค้าที่ตลาดเฝ้ารอมานานระหว่างอเมริกากับจีน

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 90.55 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 29,030.22 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.14 จุด (0.19 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,289.29 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 7.37 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,258.69 จุด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯในวันพุธ(15ม.ค.) จรดปากกาลงนามในข้อตกลงการค้ากับจีน ซึ่งคาดหมายว่าจะช่วงส่งเสริมการส่งออกแก่เกษตรกรและพวกผู้ผลิตอเมริกา ปกป้องความลับทางการค้าของสหรัฐฯและลดความตึงเครียดในข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมานานระหว่างสองชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลก

การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน สะท้อนความกังวลว่ามูลค่าหุ้นของสหรัฐฯนั้นอาจสูงเกินจริง หลังจากวอลล์สตรีทขยับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในระยะหลัง

ความผันผวนในตลาดทุน ผลักนักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและดันราคาทองคำในวันพุธ(15ม.ค.) พุ่งแรง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,554.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์